ดนตรีปันสุข..

ปลุกเสียงเพลงที่หายไปในวิกฤตโควิด

“ในสถานการณ์แบบนี้ นักร้องนักดนตรีได้รับผลกระทบกันหมด เรื่องสำคัญเลยคือเขาไม่มีงาน ขาดรายได้กันมานานกว่า 2 ปี เราก็พยายามช่วยเขาหาวิธีเอาตัวรอดด้วยการไปเปิดหมวกร้องเพลง บางวงก็อยากมาเล่น แต่เขาไม่มีเครื่องดนตรี เพราะช่วงที่เดือดร้อน ขายไปหมดแล้ว และเปิดหมวกมันก็ไม่ได้มาก บางวันได้เงินยังไม่ถึง 200 บาทเลย มันเศร้านะ หลายคนก็เปลี่ยนอาชีพไปขายของ ขายอาหาร เป็นไรเดอร์ส่งอาหารกันก่อน” แม่เม้า-สุดา ชื่นบาน ศิลปินแห่งชาติและนักแสดงรุ่นใหญ่ หรืออีกบทบาทในตำแหน่งอุปนายกฝ่ายบริหารสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เล่าให้ฟังถึงสถานการณ์ของคนดนตรีในวิกฤติโควิด

สมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ รู้สึกยินดีและตื้นตันมากที่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เล็งเห็นถึงความลำบากของนักร้องนักดนตรี และได้จัดโครงการดนตรีปันสุขขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้นักดนตรีได้มาแสดงความสามารถหลังจากที่ไม่ได้เล่นกันมานาน โดยเปลี่ยนพื้นที่ในปั๊มบางจากเป็นเวที พร้อมทั้งสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการแสดง ให้นักดนตรีได้ร้องเพลงเล่นดนตรีแบบมีความสุข คือ มีทั้งที่ทำมาหากินและรับค่าแสดงโดยไม่ต้องรอลุ้นยอดเงินจากการเปิดหมวกในแต่ละวัน

“แม่เม้าขอฝากถึงคนดนตรีทุกรุ่นทุกคนว่า จะท้อไม่ได้ ทำอะไรได้ก็ต้องทำไปก่อน อะไรทำไม่เป็นก็ต้องฝึก ขึ้นได้ก็ลงได้ เราต้องปรับตัวให้ได้ เอาตัวรอดให้ได้”

ผลกระทบต่อคนดนตรี ที่มากกว่าเวทีที่หายไป

ยูมิ-ภัทรพล เปรมประภาศ หนึ่งในคนดนตรีที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด-19 เล่าถึงผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ว่าเธอเริ่มร้องเพลงมาตั้งแต่อายุ 16 ในฐานะอาชีพหลักในการดูแลค่าใช้จ่ายของทั้งครอบครัว เรียกได้ว่าก่อร่างสร้างตัวมาจากการร้องเพลง จากโอกาสที่เคยมี พอโควิดมาทุกอย่างสร้างมาพังหมด รายได้ไม่มี ทั้งรถทั้งคอนโดถูกยึด ย้ายมาอยู่อพาร์ตเมนต์แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าจนถูกไล่ หม่นหมองจนแทบไม่อยากอยู่ต่อ แต่หลังจากนั้น พยายามตั้งสติ ปล่อยวาง ตั้งหลักใหม่ ให้กำลังใจตัวเอง บอกตัวเองว่าต้องอยู่ให้ได้

การร้องเพลงไม่ใช่แค่อาชีพแต่คือ สิ่งที่เรารัก คือความสุข เป็นทุกอย่างของเรา

“การร้องเพลงไม่ใช่แค่อาชีพ แต่เป็นสิ่งที่เรารัก คือความสุข เป็นทุกอย่างของเรา ทุกวันนี้งานร้องเพลงแทบไม่มี ก็พยายามหาอะไรทำไปก่อน ขายของขายอาหารให้พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ ซึ่งตอนนี้บางเดือนรายได้ยังไม่ถึง 3,000 บาท แต่จะล้มบ้างลุกบ้างก็ถือว่าได้ลองพยายามแล้ว ในฐานะคนดนตรี วันนี้รู้สึกตื้นตันมากที่มีคนมองเห็นว่าเราลำบากแค่ไหน เงินค่าจ้างแสดงดนตรีที่ได้มาจากบางจากฯ ทำให้ครอบครัวมีข้าวกินได้อีกหลายมื้อ และยังน่าภูมิใจว่าเป็นเงินที่แลกมาด้วยเสียงของเราที่ได้ถ่ายทอดออกไปสร้างสุขให้ผู้คน” ยูมิกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

‘ปั๊มบางจาก’ เป็นมากกว่าพื้นที่ เมื่อเวทีวันนี้ไม่จำกัดรูปแบบ

“ดนตรีปันสุข ถือว่ามาช่วยเติมเต็มโอกาสให้กลุ่มนักร้องนักดนตรี ที่ยึดถือและพัฒนาทักษะการเล่นดนตรีเป็นอาชีพหลักมาโดยตลอดเลยค่ะ พอโควิดเข้ามา โลกเปลี่ยนไป คนดนตรีไม่มีงาน ต้องปรับตัว Disrupt วิถีการเล่นดนตรีไปตามโอกาสที่มี อย่างทุกวันนี้ ตุ๊กตาเริ่มมีไปเล่นดนตรีในงานพิธีฌาปนกิจ เพื่อให้บรรยากาศไม่ดูเศร้าจนเกินไป หรือ อย่างบรรยากาศการร้องเพลงที่ปั๊มบางจากวันนี้ก็ถือว่าแปลกใหม่ ได้เห็นรถที่มาแวะเติมน้ำมันรู้สึกผ่อนคลายเปิดกระจกฟังเพลง หรือ คนที่แวะมาซื้ออาหารซื้อเครื่อมดื่มหยุดฟัง ไม่จำเป็นเลยว่าต้องหยุดยืนฟังนาน ๆ แค่เดินผ่านแล้วเขามีความสุข มีรอยยิ้มจากเสียงเพลง แค่นี้คนเล่นดนตรีก็พอใจแล้ว ตอนนี้ทุกคนต้องปรับตัวให้ได้ทุกแนว เปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ”

ตุ๊กตา-จมาพร แสงทอง อีกหนึ่งคนดนตรีที่มาร่วมขับร้องเพื่อให้กำลังใจเพื่อนนักดนตรีในกิจกรรม “ดนตรีปันสุข” ทิ้งท้ายว่า เรื่องรายได้ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญคือการได้มีพื้นที่ สำหรับนักดนตรีมันคือความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก แค่มีพื้นที่ออกมาเล่นดนตรีร้องเพลงให้คนได้ฟังก็มีความสุขแล้ว และครั้งนี้เป็นความสุขที่เกิดขึ้นในจุดพักการเดินทางอย่างปั๊มบางจาก

บางจากฯ ขอเชิญชวนผู้สนใจแวะเวียนไปส่งกำลังใจให้เหล่านักดนตรี ในกิจกรรม “ดนตรีปันสุข” ณ ปั๊มบางจาก (สาขาที่กำหนด) นอกจากจะได้ผ่อนคลายไปกับเสียงเพลงและจังหวะดนตรีแล้ว ยังมีส่วนช่วยคืนความสุขกลับไปยังนักดนตรีด้วย กับการหวนคืนเวทีที่วันนี้ไม่ได้จำกัดอยู่กับขนาด สถานที่แบบเดิม ๆ แต่อบอวลไปด้วยความสุขปนความภาคภูมิใจในตนเองของเหล่าคนดนตรีที่ได้ยินเสียงเพลงของตนเองบนเวทีอีกครั้ง