25 กุมภาพันธ์ 2558
เปิดวิสัยทัศน์ CEO ใหม่บางจากฯ ชูหลัก 3S สร้างความยั่งยืน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์ในการบริหารองค์กรในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ ว่า จุดแข็งของบริษัท บางจากฯ ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา คือการเป็นบริษัทไทยที่มั่นคงในการดำเนินธุรกิจปิโตรเลียมและธุรกิจต่อเนื่อง ควบคู่กับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของสังคมไทย ซึ่งจุดแข็งนี้ยังคงสานต่อเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ สำหรับสิ่งที่จะต้องพัฒนาเพิ่มขึ้นคือการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยแวดล้อมภายในและภายนอก เพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและอาเซียน เพื่อให้บางจากฯ เป็นองค์กรที่ทันสมัยเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์ 3S ดังนี้
- Security เป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ โดยขยายการลงทุนไปยังธุรกิจต้นน้ำ เพื่อจัดหาพลังงานให้เพียงพอกับความต้องการใช้ของภาคธุรกิจและประชาชน อันเป็นการต่อยอดในส่วนของธุรกิจปิโตรเลียม
- Stability เสริมสร้างเสถียรภาพด้านพลังงานและการเงิน ด้วยการลงทุนด้านพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ เช่น พลังงานใต้พื้นพิภพ (Geothermal) พลังงานชีวมวล (Biomass) พลังงานชีวภาพ (Biogas) พลังงานจากเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar cell) ทั้งในและต่างประเทศ
- Sustainability เป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร โดยเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non-Oil ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นรูปแบบเฉพาะในลักษณะ Bangchak Model ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาดูแลใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกันเป็นการทำธุรกิจเพื่อสังคม Social Enterprise อันเป็นการต่อยอดจาก CSR / CSV เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ พร้อมส่งเสริมให้คนในชุมชนร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่ เช่น การรับซื้อเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีปลอดสารพิษ จากสหกรณ์การเกษตร อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ที่ดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมันกับบางจาก เป็นต้น
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ตามแผนการดำเนินงานในปี 2558 คาดว่าจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) ไม่ต่ำกว่า 10,400 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 25,000 ล้านบาทในปี 2563 โดยจะขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เช่น ขยายธุรกิจพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Power) มีกำลังการผลิตเพิ่มประมาณ 100-150 เมกะวัตต์ เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นคงทางพลังงาน เพิ่มรายได้และกระจายความเสี่ยงธุรกิจเดิม สร้างความมั่นคงให้กับองค์กร พร้อมพัฒนาเพิ่มศักยภาพโรงกลั่นให้มีความทันสมัย ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (YES-R Project) และจะเพิ่มกำลังการกลั่นเป็น 105,000 บาร์เรลต่อวัน คาดว่าจะมีค่าการกลั่นเฉลี่ย 6-7 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนด้านการตลาด ตั้งเป้าการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันกว่า 450 ล้านลิตรต่อเดือน พร้อมขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 70 แห่ง โดยเป็นสถานีบริการขนาดใหญ่ (Flagship) 2 แห่ง พร้อมพัฒนารูปแบบของสถานีบริการแบบใหม่ มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นสอดคล้องกับในแต่ละพื้นที่ ให้เป็นจุดแวะพักที่มีบริการหลากหลาย ตรงกับความต้องการของลูกค้า เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งในอีก 6 ปีข้างหน้า จะเพิ่มสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 400 แห่ง หรือเพิ่มเป็นกว่า 1,500 แห่ง เพื่อก้าวสู่ The Most Admired Brand ภายในปี 2563
ในปี 2558 จะเพิ่ม EBITDA ของธุรกิจ Non-oil จาก 145 ล้านบาท เป็นกว่า 200 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 นอกจากนี้ นอกจากขยายร้านสะดวกซื้อบิ๊กซีมินิเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 100 แห่ง จากปัจจุบัน 92 แห่ง และขยายร้านกาแฟอินทนิลบางจากอีก 100 แห่ง จากที่มีอยู่ 343 แห่งแล้วยังจะพัฒนาธุรกิจใหม่ เช่น อินทนิล Organic หรือ Grocery Store เพื่อตอบสนองวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ให้ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
เพื่อสร้างความมั่นคงด้านการจัดหาน้ำมัน หลังจากบริษัท บางจากฯ เข้าไปถือหุ้นบริษัท Nido Petroleum ในประเทศออสเตรเลียที่ได้รับสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ โดยล่าสุดบริษัท Nido Petroleum ได้ซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท Galoc Production Company WLL จากบริษัท Otto Energy Limited ในมูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท จะทำให้ Nido มีสัดส่วนถือครองแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Galoc จากร้อยละ 22.88 เป็นร้อยละ 55.88 และทำหน้าที่เป็น Operator ในแหล่ง Galoc ส่งผลให้ Nido มีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 4,000 บาร์เรลต่อวัน และมีสำรองน้ำมันประมาณ 7 ล้านบาร์เรล (2P) นอกจากนี้ยังมีแผนขยายธุรกิจอื่นๆ อีกเพิ่มเติม ซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้
ด้านธุรกิจพลังงานทดแทน บริษัท บางจากฯ มีแผนที่จะขยายโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มเติม โดยตั้งเป้าว่าจะขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยมีเป้าจะสร้างกำลังการผลิตเพิ่มอีก 300 เมกะวัตต์ ใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงโรงไฟฟ้าโซล่า ชีวมวล ชีวภาพและโรงไฟฟ้าขยะ (Waste to Energy) โดยจะเน้นการทำงานร่วมกับกลุ่มสหกรณ์การเกษตร อันเป็นการ Synergy ระหว่างบางจากฯ และกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้น เพื่อร่วมสร้างสังคมสีเขียวให้กับประเทศ ตอกย้ำความเป็นผู้นำพลังงานทดแทน อีกทั้งจะขยายธุรกิจผลิตเอทานอลและไบโอดีเซล โดยจะเดินเครื่องผลิตน้ำมันไบโอดีเซล B100 เต็มกำลังการผลิตสูงสุด และเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานไบโอดีเซล แห่งที่ 2 ขึ้นอีก 450,000 ลิตรต่อวัน จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 360,000 ลิตรต่อวัน ให้เป็น 810,000 ลิตรต่อวัน
อนึ่ง ผลการดำเนินงานในปี 2557 บริษัท บางจากฯ มี EBITDA 5,162 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานธุรกิจตลาดและธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์อยู่ในเกณฑ์ดี อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากการขาดทุนสต๊อกน้ำมัน ส่งผลให้ EBITDA ลดลงจากปีก่อนหน้า 4,300 ล้านบาท