03 กุมภาพันธ์ 2565
บางจากฯ รับรางวัล S&P Global Sustainability Award 2022 ระดับ Silver Class ติดอันดับความยั่งยืน Top 3 ของโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Refinery and Marketing
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนในระดับโลก จาก S&P Global โดยได้รับรางวัล S&P Global Sustainability Award 2022 ระดับ Silver Class ติดอันดับ Top 3 ของโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Refinery and Marketing และได้รับการคัดเลือกให้อยู่ใน Sustainability Yearbook 2022 ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล แสดงถึงการบริหารจัดการที่สามารถ สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ลงทุนและสร้างคุณค่าระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มบริษัท บางจาก เปิดเผยว่า บางจากฯ ได้รับรางวัล S&P Global Sustainability Award 2022 ระดับ Silver Class จากการประกาศผลคะแนนการประเมินด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการและเศรษฐกิจ หรือ ESG (Environmental, Social, Governance & Economic) โดย S&P Global องค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเกี่ยวกับความยั่งยืน ซึ่งเป็นผู้จัดทำการประเมินความยั่งยืนดัชนี Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI โดยติดอันดับ Top 3 ของโลกจาก 56 บริษัทชั้นนำทั่วโลกในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Refinery and Marketing และได้รับการคัดเลือกให้อยู่ใน Sustainability Yearbook 2022 โดยปรับระดับสูงขึ้นจาก Bronze Class และอันดับที่ 4 ใน Yearbook 2021
“บางจากฯ ได้เข้าร่วมการประเมินของ S&P Global ที่พิจารณาจากการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 8 ปี โดยในปีนี้เราได้รับการจัดอันดับและได้คะแนนสูงสุดตั้งแต่ร่วมประเมินมา นับเป็นความภาคภูมิใจร่วมกันของทุกคนในบริษัทฯ ที่ธุรกิจของเราได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทชั้นนำด้านความยั่งยืนในระดับสากล ซึ่งเรายังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมสีเขียวเพื่อความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน”
ผลการประเมินนี้สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนของบางจากฯ ที่ครอบคลุมสมดุลทั้ง 3 ด้าน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการและเศรษฐกิจ ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี พร้อมตอบสนองและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ยึดถือปฏิบัติมาตลอดระยะเวลากว่า 37 ปีของการดำเนินธุรกิจ จนได้รับการยอมรับในระดับโลก ตอกย้ำความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ในทุกมิติ
ในด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ มุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งของการลดผลกระทบของภาวะโลกร้อน เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Carbon Markets Club มีการตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutral) ในปี ค.ศ. 2030 และ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ในปี ค.ศ. 2050 ดำเนินธุรกิจด้วยการให้ความสำคัญต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า ขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบายเชิงรุกสอดคล้องตามเกณฑ์อุตสาหกรรมสีเขียวระดับ 5 เครือข่ายสีเขียว (Green Industry Level 5: Green Network) และส่งเสริมแนวทางการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมไปยังผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่อุปทาน ชุมชนและผู้บริโภค เพื่อผลักดันไปสู่การเป็นเครือข่ายสีเขียว (Green Network) โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 บริษัทฯ ได้ส่งเรือขจัดคราบน้ำมันศรีธารารักษ์ 8 ซึ่งประจำที่ท่าเรือโรงกลั่นบางจากฯ พร้อมเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ไปสนับสนุนกรมเจ้าท่าในการปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณมาบตาพุดจนเสร็จสิ้นภารกิจในวันที่ 31 มกราคม 2565
ในด้านสังคม บางจากฯ ให้ความสำคัญกับการดูแลสังคมและชุมชน ทั้งเพื่อนบ้านรอบโรงกลั่นน้ำมัน บางจากและทั่วประเทศ ทั้งในภาวะปกติและวิกฤต โดยในช่วงวิกฤตโควิด-19 ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ได้จัดทำโครงการต่าง ๆ หลากหลายโครงการเป็นการสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อช่วยเหลือสังคมในด้านสาธารณสุขและในการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับประชาชนในพื้นที่รอบโรงกลั่นและทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง
ในด้านการกำกับดูแลกิจการและเศรษฐกิจ บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจอย่างมีบรรษัทภิบาล เชื่อถือได้ มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีและบริหารด้วยความโปร่งใส พร้อมการดำเนินงานตามจรรยาบรรณทางธุรกิจ ยึดการดำเนินธุรกิจภายใต้ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
การประกาศผลรางวัล S&P Global Sustainability Award และการจัดทำ Sustainability Yearbook เป็นผลจากการประเมินบริษัท 7,544 แห่งทั่วโลก และมีเพียง 716 บริษัทจาก 61 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับการคัดเลือกจัดอันดับในรายงานฉบับนี้ ซึ่งผลการประเมินเป็นการเรียงลำดับตาม Percentile โดยองค์กรที่อยู่ใน 15% แรกของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมจะถูกจัดรายชื่อให้อยู่ในรายงานฉบับนี้