02 มิถุนายน 2566
Thai Rice NAMA ข้าวลดโลกร้อน
ทำนา “ข้าว” ก็ช่วย “ลดโลกร้อน” ได้ จากมือชาวนารักโลก สู่ของสมนาคุณรักษ์โลก ที่ปั๊มบางจาก
หากนึกถึงการปลูกข้าว ภาพจำของหลายๆ คนคงไม่พ้นภาพนาข้าวที่มีน้ำขังอยู่ตลอดเวลา แต่ในความเป็นจริงแล้ว “ข้าวไม่ใช่พืชที่ต้องแช่อยู่ในน้ำตลอดเวลา” การปลูกข้าวที่มีน้ำขัง จะทำให้เกิดเศษซากพืชปริมาณมาก และเมื่อย่อยสลายแบบไร้อากาศจะเกิดก๊าซมีเทน หนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน
![](/storage/newsroom/refaction/2023/06/thai-rice/highlight.jpg)
“ข้าวลดโลกร้อน” ได้อย่างไร
วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่เกษตรสมัยใหม่ ต.เดิมบาง อ. เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้การทำนาที่ไม่ให้น้ำขังด้วยวิธี “ทำนาเปียกสลับแห้ง” ภายใต้โครงการไทยไรซ์ นามา (Thai Rice NAMA) ซึ่งเป็นความร่วมมือหลักระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทย โดยปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตข้าว ใช้เทคโนโลยี 4 ประเภทในการปรับหน้าดิน ลดการใช้น้ำ ใช้ปุ๋ยในปริมาณที่เหมาะสมและจัดการฟางข้าว
การทำนาเปียกสลับแห้งจะไม่ปล่อยให้น้ำขังอยู่ในพื้นที่นาตลอดเวลา ช่วยลดการใช้น้ำในการเพาะปลูก สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและช่วยลดปริมาณก๊าซมีเทนที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งก๊าซมีเทนทำให้โลกร้อนขึ้นมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 27 เท่า ซึ่งการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ราว 30% เทียบกับวิธีทำนาปกติ จึงเรียกว่า “นาข้าวลดโลกร้อน”
“ชาวนาอย่างเรา พอรู้ว่าการทำนามีผลทำให้โลกร้อน ก็ปรับเปลี่ยนวิถีการทำนาแบบใหม่ ได้ผลสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ ผลผลิตในแปลงเพิ่มขึ้น สวนทางกับต้นทุนการผลิตที่ลดลง และยังช่วยลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกด้วย เราภูมิใจกับชื่อ “ชาวนารักโลก”” เป็นคำกล่าวของคุณสวณีย์ โพธิ์รัง ผู้จัดการ วิสาหกิจชุมชนชาวนาแปลงใหญ่ เกษตรสมัยใหม่ ตำบลเดิมบาง จังหวัดสุพรรณบุรี
![](/storage/newsroom/refaction/2023/06/thai-rice/quote-9.jpg)
![](/storage/newsroom/refaction/2023/06/thai-rice/quote-10.jpg)
การทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ราว 30% เทียบกับวิธีทำนาปกติ จึงเรียกว่า “นาข้าวลดโลกร้อน”
![](/storage/newsroom/refaction/2023/06/thai-rice/quote-4.jpg)
ของสมนาคุณรักษ์โลก แทนคำขอบคุณลูกค้า ที่ปั๊มบางจาก
บางจากฯ ได้ช่วยสร้างช่องทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชน บรรเทาความเดือดร้อนแก่กลุ่มเกษตรกรและชุมชนในภาวะสินค้าราคาตกต่ำและล้นตลาดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2541 โดยคัดสรร ผลผลิตจากเกษตรกร และผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ผลิตโดยกลุ่มชุมชนเพื่อนำมาเป็นของสมนาคุณลูกค้า ตามสถานการณ์ของผลผลิตและความเหมาะสม
ในเดือนมิถุนายน ช่วงวันสิ่งแวดล้อมโลก ออมสุขวิสาหกิจเพื่อสังคม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นโดยกลุ่มบริษัทบางจาก เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนในสังคม โดยมีหนึ่งในภารกิจคือการสนับสนุนสหกรณ์การเกษตรและเครือข่ายบางจากฯ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนทัศนคติในภาคเกษตรกรรมและต้องการร่วมสื่อสารให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง จึงได้สนับสนุนกลุ่มชาวนารักโลกด้วยการรับซื้อ “ข้าวลดโลกร้อน” จำนวน 40 ตัน เพื่อนำมาเป็นสินค้าสมนาคุณแก่ลูกค้าสถานีบริการบางจาก (133 แห่งในกรุงเทพและปริมณฑล)
![](/storage/newsroom/refaction/2023/06/thai-rice/quote-5.jpg)
“นอกเหนือจากความภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดโลกร้อนแล้ว เราได้อาวุธติดตัวในด้านการผลิตที่ครบวงจรมากขึ้น เดิมเราปลูกข้าวแล้วขายข้าวเปลือกเท่านั้น แต่ตอนนี้ได้เรียนรู้ขั้นตอนการทำงานต่างๆ จากข้าวเปลือกจนมาเป็นข้าวสารที่มีคุณภาพเพื่อส่งถึงมือลูกค้า นับว่าเป็นการพัฒนาศักยภาพที่สำคัญที่จะเป็นประโยชน์กับกลุ่มฯ ต่อไปในอนาคตอย่างมาก” คุณสวณีย์ กล่าวทิ้งท้าย
![](/storage/newsroom/refaction/2023/06/thai-rice/quote-7.jpg)
ไม่เพียงแค่ความมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และการเป็นรายแรกและหนึ่งเดียวที่ริเริ่มนำผลิตภัณฑ์ชุมชนมาเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตในชุมชนมาสู่ผู้บริโภคเท่านั้น แต่สินค้าชุมชนของสมนาคุณทุกชิ้นของบางจากฯ ยังเปรียบเสมือนคำขอบคุณจากบางจากฯ ที่ไม่เพียงแต่จะมีความหมายต่อผู้ผลิตและผู้รับเท่านั้น แต่สำหรับผู้ให้อย่างบริษัทฯ และผู้ประกอบการสถานีบริการ ก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรไทย โดยเฉพาะในสภาวะโลกร้อนเช่นนี้ ที่ทุกคนต้องช่วยกันคนละไม้คนละมืออีกด้วย
ข้าวลดโลกร้อนของชาวนาโลก
![](/storage/newsroom/refaction/2023/06/thai-rice/quote-8.jpg)