09 กรกฎาคม 2564
Carbon Markets Club
คลับรักษ์โลกลดก๊าซเรือนกระจกแห่งแรกของไทย
โลกกำลังร้อนจัด สารพันปัญหาถั่งโถมเข้ามา อุณหภูมิสูงเป็นสถิติที่แคนาดา ปะการังฟอกขาวบางแห่งในอ่าวไทย ผู้นำ G7 ประกาศมาตรการเร่งด่วนเรื่องก๊าซเรือนกระจก ฯลฯ
ใครก็ทราบดี โลกร้อนไม่มีวันแก้ได้หากทุกฝ่ายไม่ช่วยกัน ทว่า...เรามีส่วนช่วยอะไรได้บ้าง คำตอบมีหลากหลาย
แต่คำถามพื้นฐานที่สุด เราทราบไหมว่าในแต่ละปี เราปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเท่าไหร่ เอาแค่เฉพาะตัวเรา ครอบครัวเรา เรื่อยไปจนถึงบริษัทองค์กรของเรา และหากเราทราบแล้ว เราจะสามารถทำอะไรกับก๊าซเรือนกระจกที่เราปล่อยออกไปได้บ้าง เราจะทำตัวเป็นมนุษย์ปราศจากก๊าซเรือนกระจกได้อย่างไร
เดิมที สองคำถามนี้แทบไม่มีคำตอบ เราพยายามลดการใช้พลังงานสิ้นเปลือง พยายามปลูกต้นไม้เพื่อชดเชย ก๊าซเรือนกระจกที่เราปล่อยไป แต่เราไม่ทราบว่าเราต้องลดแค่ไหน ต้องปลูกต้นไม้อีกกี่สิบกี่ร้อยต้น และหากเรา ไม่สามารถปลูกได้ จะมีทางอื่นอีกไหมช่วยให้เรารับผิดชอบต่อโลกได้มากขึ้น
แต่ถึงวันนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อกลุ่มบางจากร่วมกับพันธมิตรเปิดคลับคนรักษ์โลกลดก๊าซเรือนกระจกขึ้นมา เป็นครั้งแรก ในนามของ Carbon Markets Club
คลับแห่งนี้ตั้งใจตอบสองปัญหาสำคัญ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ว่าในรูปแบบขององค์กรหรือ ในแบบคนทั่วไป เริ่มจากการจับมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) สนับสนุนให้ใช้แอพพลิเคชั่น CF Calculator ในการคิดคำนวณคาร์บอนที่เราปล่อยไปในกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งปี โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ พลังงานในบ้าน การเดินทาง และอาหาร
ข้อมูลเบื้องต้นบอกว่า แต่ละคนอาจปล่อยก๊าซเรือนกระจกในรูปแบบตันคาร์บอนต่อปี แตกต่างกันได้หลายเท่า ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้ชีวิตของเรา เช่น ใช้ไฟฟ้าหมุนเวียน ใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบต่างๆ ใช้การขนส่งสาธารณะ ใช้เครื่องไฟฟ้าประหยัดพลังงาน ฯลฯ
เมื่อเราทราบปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เราปล่อยไปในแต่ละปี เราสามารถตั้งเป้าหมายในการลดได้ เช่น ลดให้ได้ ปีละ 5-10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะทำให้การลดก๊าซเรือนกระจกส่วนตัวหรือครอบครัวมีเป้าหมายและมีผลลัพธ์เป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ เรายังไปต่อได้กับการจัดการก๊าซเรือนกระจกที่ยังไม่สามารถลดได้ในขณะนี้ ด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิตโดยตรงจาก อบก. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ในราคา ตันคาร์บอนละ 25 บาท ซึ่งเป็นราคาในจุดเริ่มต้นเพื่อจูงใจให้บุคลหรือองค์กรต่างๆ ในประเทศไทยมาร่วมกัน ซื้อคาร์บอนเครดิต
เงินที่ได้จะนำไปบริหารจัดการในรูปแบบต่างๆ ทั้งในด้านการส่งเสริมการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกและการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมอื่นๆ ที่อบก.ร่วมมือกับองค์กรทั่วประเทศผ่านโครงการ T-VER (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) หรือโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย รวมถึงเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate หรือ REC) โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
คลับรักษ์โลกลดก๊าซเรือนกระจก เปิดตัวตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา โดยมีการลงนามจาก 11 องค์กรและหน่วยงานระดับประเทศ ได้แก่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด บริษัท เชลล์ แห่งประเทศไทย จำกัด ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด) บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด และบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
กิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์สำหรับบุคคลทั่วไป ยังได้รับเกียรติจาก ผศ. ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ (นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม) คุณหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ (แบไต๋ไฮเทค) และคุณท๊อป พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร (นักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม) มาร่วมซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ชีวิตประจำวันของตนเอง
ในวันแรกของการเปิดคลับ มีการซื้อขายคาร์บอนเครดิต 2,564 ตันคาร์บอน ทั้งจากหลายองค์กรและส่วนบุคคล ยังรวมถึงเจตนาแน่วแน่ที่หลายฝ่ายร่วมกันประกาศในการลดก๊าซเรือนกระจกให้จงได้ และหาทางสนับสนุนตลาดคาร์บอนเครดิตให้เพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย เพื่อให้ตามทันมาตรฐานใหม่ของโลกในยุคสีเขียวเข้ม โดยสามารถชมกิจกรรมในวันนั้นได้ที่ Facebook Bangchak
*คำนวณโดยอ้างอิงจากคู่มือศักยภาพของพรรณไม้ฯ จัดพิมพ์โดย อบก. โดยขึ้นกับชนิดของพรรณไม้และศักยภาพของพื้นที่
Carbon Markets Club จึงถือเป็นจังหวะสำคัญของประเทศไทยในการก้าวออกไปให้ไกลกว่า เปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆ หรือแม้กระทั่งบุคคลทั่วไป ที่ต้องการลดก๊าซเรือนกระจกส่วนตัวหรือในครอบครัวให้ได้จำนวนสุทธิเป็นศูนย์ กลายเป็นมนุษย์ปราศจากก๊าซเรือนกระจก Net Zero Emission Man (NZEM) ได้มีทางเลือกรักษ์โลกได้ มากกว่าเดิม ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากสำหรับโลกในยุคนี้ เพราะการรณรงค์ให้คนลดการปล่อย
ก๊าซเรือนกระจก จำเป็นต้องทำไปพร้อมกับทางเลือกให้องค์กรหรือคนที่อยากรับผิดชอบต่อโลก มีโอกาสไปให้สุดตามที่ตั้งใจไว้
ทุกคนสามารถเป็น..มนุษย์ปราศจากก๊าซเรือนกระจก
Net Zero Emission Man (NZEM)
สำหรับองค์กรใดหรือทุกคนที่สนใจอยากขอรายละเอียด อยากเข้ามาร่วมกับคลับรักษ์โลกลด ก๊าซเรือนกระจก สามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มได้ที่ vichshuwan@bcpggroup.com
อยากลดก๊าซเรือนกระจกต้องไม่มีอุปสรรค อยากรักษ์โลกต้องไปได้สุดทาง นั่นคือความตั้งใจของการเปิด Carbon Markets Club
"โลกร้อนเร็วกว่าคิดและแรงกว่าคิดมาก ภาวะนี้กำลังจะถล่มทะเลบ้านเราอย่างหนัก ทุกคนทำหน้าที่ต่อไปและพยายามจนสุดความสามารถ แต่เมื่อมองปะการังตรงหน้าอีกครั้ง มองเธอเธอเธอที่กำลังตาย สาหร่ายกำลังขึ้น โลกกำลังร้อนขึ้นและร้อนขึ้น ทะเลกำลังใกล้ล่มสลาย เราคงไม่ต้องไปห่วงให้มากมายว่า อีก 80-100 ปี น้ำจะท่วมโลกไหม เพราะวันนี้ เรากำลังจะไปต่อไม่ไหว เพราะทะเลจากไปเร็วกว่าคิด ผมจะให้ความสำคัญกับโลกร้อน หนักขึ้น และอาจต้องแสดงออกมากขึ้น เพราะความตายอยู่ตรงหน้าผมแล้ว
ผมปล่อยคาร์บอนส่วนตัวปีละ 4.17 ตัน ราคาที่เมืองไทยตันละ 25 บาท ก็จ่ายไปร้อยกว่าบาท หลายคนอาจสงสัย ทำไมถูกจัง เมืองนอกตันละ 50 ยูโรไม่ใช่เหรอ การคิดราคาคาร์บอนเครดิตช่วงแรกของไทย เป็นภาคสมัครใจ จึงทำราคาให้ดึงดูด โดยใช้การสนับสนุนเพิ่มจากด้านต่างๆ แต่ในอนาคตอันใกล้มากๆ ราคาคงจะต้องขยับขึ้นตามกติกาโลก อันนั้นว่ากันต่อไป
สุดท้าย ผมกลายเป็นมนุษย์ไร้คาร์บอนสมใจ เป็น TOP50 ห้าสิบคนแรกของไทย ไม่ติดค้างใดๆ กับโลกใบนี้อีกแล้ว"
ผศ.ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลและนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม
Facebook.com/thon.thamrongnawasawat