13 สิงหาคม 2564
เยาวชนคนดี
“หนูคิดว่าตัวเองโชคดีที่ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการเยาวชนคนดี มีโอกาสได้ฟังคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมาเล่าประสบการณ์และถ่ายทอดแนวความคิดให้ฟัง ได้เปิดมุมมอง และทำให้หนูเริ่มตั้งเป้าหมายในชีวิต เพราะอยากประสบความสำเร็จแบบพี่ๆ เขาบ้าง” ใบเตย-อรไพลิน ลัทธิ อายุ 19 ปี เด็กในโครงการเยาวชนคนดีบางจาก เล่าถึงประสบการณ์การร่วมโครงการเยาวชนคนดีของบางจากฯ
“ใบเตย” อาศัยอยู่กับคุณพ่อและพี่อีกสองคน ในชุมชนหน้าวัดบุญรอดธรรมาราม สุขุมวิท 62 เกิดและเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมที่มีความเปราะบางด้านสังคม ยามว่าง แทนที่เธอจะไปเล่นซนกับเพื่อนๆ เธอเลือกที่จะมาเรียนรู้และเปิดประสบการณ์จากโลกภายนอกกับบางจากฯ
ตั้งแต่จำความได้ ใบเตยจะเห็นพี่ๆ จิตอาสาของบางจากฯ เข้ามาสอนหนังสือเด็กๆ ในชุมชน ช่วงหลังเลิกเรียน อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง มาสอนว่ายน้ำ มาจัดกิจกรรมจับสลากของขวัญปีใหม่ในชุมชน และยังชวนไปทำกิจกรรมในช่วงปิดเทอม หรือที่เรียกว่า Summer Camp ที่เด็กทุกคนตั้งตารอ เพราะมีกิจกรรมมากมาย ได้รู้จักเพื่อนต่างชุมชน และได้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาตามสถานที่ต่างๆ ด้วย
“พออายุถึงเกณฑ์ที่ร่วมกิจกรรมได้ หนูก็รีบไปลงชื่อเข้าร่วม จำได้แม่นเลยว่าครั้งแรกที่ไป คือกิจกรรมสอนทำขนมบลูเบอรี่ชีสพาย อร่อยมาก ชอบมาก ไปตัวเปล่าแถมยังได้ขนมกลับบ้านอีก แล้วก็มีกิจกรรมอีกเยอะแยะ ประดิษฐ์ของใช้ ดูแลสุขภาพ คนที่สอนส่วนใหญ่ก็คือพี่ๆ พนักงานบางจากฯ นี่แหละ แต่พวกเราจะเรียกพี่ๆ ว่า “ครู”
พอเริ่มโตขึ้น อายุประมาณ 13-14 ปี ก็ได้เข้าร่วมโครงการเยาวชนคนดี เป็นโครงการระยะยาว 4 ปี ที่บางจากฯ จัดขึ้น เพื่อหล่อหลอมให้เยาวชนในชุมชนเติบโตขึ้นเป็น “คนดีมีคุณภาพ” และกลับไปช่วยพัฒนาชุมชน
เป็นโครงการที่หล่อหลอมเยาวชนในชุมชุน
เติบโตขึ้นเป็น 'คนดีมีคุณภาพ'
และกลับไปช่วยพัฒนาชุมชน
'ใบเตย' ได้เป็นตัวแทนเยาวชนคนดีบางจาก ในการเข้าร่วมกิจกรรมระดับประเทศ 'Youth in Charge'
“ปีแรกที่เข้าโครงการฯ พวกเราถูกสอนตั้งแต่บุคลิกภาพ ทักษะการพูด การวางตัว การเข้าสังคม สอนให้เป็นคนกล้าแสดงออก แล้วก็ค่อยๆ ปลูกฝังแนวคิดและสร้างทัศนคติที่ดีในเรื่องการใช้ชีวิต ให้ความรู้เพื่อให้ห่างไกลจากความเสี่ยงต่างๆ ในช่วงวัยรุ่น ส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว และฝึกให้มีจิตอาสาในการทำงานเพื่อส่วนรวมในอนาคต ด้วยการไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ในฐานะจิตอาสาด้วย”
เธอเล่าว่า “พี่ๆ บางจากฯ มักพูดเสมอว่า “พวกเราทุกคนที่อยู่ร่วมกันในโครงการเยาวชนคนดี แม้จะมาจากคนละบ้าน คนละชุมชน แต่พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน อย่าทิ้งกัน ต้องช่วยเหลือกัน พี่ๆ จะอยู่ตรงนี้เสมอ จะคอยดูการเจริญเติบโตของน้องๆ และพร้อมให้คำปรึกษา เมื่อไหร่ที่มีปัญหา ที่ตรงนี้พร้อมต้อนรับเสมอ” ทำให้ทุกครั้งที่ก้าวเข้ามาในบางจากฯ หนูรู้สึกเหมือนมาบ้านอีกหลัง รู้สึกผูกพัน ปลอดภัย และอบอุ่น”
“เคยมีคนถามว่ากดดันไหมที่ต้องทำตัวให้เป็นคนดีให้สมชื่อโครงการ หนูคิดว่าการเป็นคนดีไม่ใช่เพียงเพราะมีชื่อ “เยาวชนคนดี” ปักไว้ด้านหลังเสื้อ แต่มันคือการที่เราต้องคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อน และเคารพขอบเขตของการเป็นสิทธิมนุษยชน นั่นแหละค่ะที่ทำให้หนูกล้าพูดอย่างภูมิใจว่าเราเป็น “คนดี”
ใบเตยบอกว่า เป็นคนชอบทำกิจกรรมมาก แต่ไม่เคยสนใจว่าจริงๆ แล้วชอบอะไร อยากทำอะไร จนวันนึง พี่ๆ เรียกน้องๆ ในโครงการฯ มานั่งคุยทีละคนว่าในอนาคตอยากเรียนอะไร ทำอะไร ตั้งเป้าหมายยังไง เพื่อจะช่วยวางแผน เธอเป็นคนเดียวที่ตอบคำถามไม่ได้ว่าอยากทำอะไร รู้แต่ว่าทุกครั้งที่มีปัญหาและไปปรึกษาพี่ๆ บางจากฯ พี่ๆ เขาให้คำปรึกษาเราได้ดี คุยด้วยแล้วสบายใจ แล้วยังสอนให้รู้จักมองและวิเคราะห์ปัญหา ว่าปัญหานั้นเกิดจากอะไร ต้องแก้ไขอย่างไร ถ้าเราปรับคนอื่นไม่ได้ ให้เริ่มจากปรับที่ตัวเรา
นอกจากนั้น เธอยังเคยได้ยินจากครูที่มาสอนในโครงการฯ ว่า คนคือคน แต่คนไม่เหมือนกัน เป็นประโยคที่ฟังดูลึกซึ้ง น่าสนใจ เธอจึงค่อยๆ คิดดู แล้วพบว่าตัวเองอยากรู้อยากเข้าใจจิตใจของมนุษย์ “เวลาที่คนมีปัญหาแล้วเขามาเล่าให้เราฟัง และถ้าเราช่วยพูดให้เขาดีขึ้นได้ คงรู้สึกดีมากๆ”
การเป็น 'คนดี' ไม่ใช่เพียงเพราะชื่อ
แต่คือการที่เรา คิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวม
มากกว่าประโยชน์ส่วนตน
“ตอนนี้หนูรู้แล้ว ว่าหนูอยากเป็นนักจิตวิทยา” เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ปัจจุบันเธอเพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมปลาย และกำลังรอเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ระหว่างนี้ เธอก็ทำงานพาร์ทไทม์หารายได้เสริม เพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อ ผู้เป็นเสาหลักเดียวของบ้าน “ถ้าเราหาเงินเองได้ รับผิดชอบตัวเองได้ ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว ชีวิตคนเรามันสั้น ทำอะไรได้ก็ทำไปก่อน หนูอาจไม่ได้มีโชคดีเหมือนคนอื่น แต่หนูมีโอกาสดีๆ ที่ได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง วันหนึ่งถ้าหนูประสบความสำเร็จ หนูจะกลับมาพัฒนาชุมชนของหนู และมอบโอกาสดีๆ ให้กับเด็กคนอื่นต่อไป ให้สมกับที่หนูเคยได้โอกาสดีๆ จากบางจากฯ ค่ะ”
เราไม่รู้ว่าในอนาคตเธอจะได้เป็นนักจิตวิทยาอย่างที่ฝันไว้หรือไม่ แต่เราเชื่อว่าวันนี้เธอมีกรอบในการเดินทางไปสู่อนาคตแล้ว นั่นคือ “การเป็นคนดีในสังคม”