28 ตุลาคม 2565
ส่งมอบน้ำมันที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้
เบื้องหลังเทคโนโลยีล้ำสมัย คือ ความตั้งใจในทุกขั้นตอนของบางจากฯ
กว่าจะเป็นน้ำมันบางจากแต่ละลิตร
ที่ผ่านกระบวนการกลั่นในโรงกลั่นอันทันสมัยมาตรฐานระดับโลก และขั้นตอนการผลิตที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลแล้ว อีกขั้นตอนสำคัญคือ การทดสอบน้ำมันก่อนการขาย เพื่อการันตีคุณภาพน้ำมันว่าครบในทุกด้าน จนแน่ใจว่าเป็นน้ำมันที่ดีที่สุด…ตั้งแต่ต้นทาง บนเส้นทางของการพัฒนาและทดสอบคุณภาพน้ำมันบางจาก เพื่อสร้างความเป็นที่สุดให้กับผลิตภัณฑ์นี้เป็นความร่วมมือที่เกิดขึ้นระหว่างส่วนงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีห้องปฏิบัติการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ทำงานร่วมกับ กลุ่มธุรกิจการตลาดที่ดูแลปั๊มบางจาก ในการนำไปทดสอบในสถานการณ์การใช้งานจริง ก่อนถูกนำไปใช้รถยนต์ในท้องตลาดต่อไป
ทดลองส่วนผสมในห้องแล็บ
ในแต่ละครั้งของการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ต้องผ่านขั้นตอนต่าง ๆ อย่างเข้มข้น เริ่มตั้งแต่การลงมือทดลองส่วนผสมในห้องแล็บเพื่อตรวจสอบว่าได้คัดเลือก Base Fuel หรือเชื้อเพลิงพื้นฐานที่ดีที่สุด มีองค์ประกอบปิโตรเลียมที่ดีที่สุด และแน่นอนว่า เมื่อคัดเลือกน้ำมันคุณภาพที่ดีที่สุดเข้ามา ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์มาตรฐานสูงอย่างน้ำมัน Euro 5 นั้นมาจาก Base Fuel ที่ดีที่สุด ก็ต้องมีการลงทุน แยกถังเก็บ แยกระบบท่อจ่ายในโรงกลั่นฯ ซึ่งแม้ว่าจะมีต้นทุนที่สูงขึ้นในหลายด้าน แต่ก็ทำให้แน่ใจได้ว่าน้ำมันของบางจากมีคุณภาพดีที่สุด
เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท บางจากฯ ได้เปิดทำการอาคารวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงและชีวภาพ (Research and Green Product Development) ขึ้นในพื้นที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2527 ในฐานะห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพ ก่อนจะพัฒนาต่อเนื่องเรื่อยมาจนเป็นส่วนวิจัยและพัฒนาฯ ในปัจจุบัน ที่ได้รับการรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการตามมาตรฐานสากล ISO/IEC 17025-2017 ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิง รวมถึง Niche products ด้วยเครื่องมือทดสอบ Smart Instrument ที่มีการทดสอบตามมาตรฐานสากล ASTM International (American Society for Testing and Materials) ที่ทันสมัย แม่นยำ เที่ยงตรง และให้บริการได้รวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังมีการนำเอาเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างเครื่องกลั่นน้ำมันดิบจำลองอัตโนมัติเครื่องแรกของประเทศไทยที่สามารถจำลองการกลั่น high vacuum ทำให้มีประสิทธิภาพในการกลั่นแยกผลิตภัณฑ์ โดยเปรียบเทียบคุณภาพน้ำมันดิบที่ได้มาว่าจะช่วยให้กลั่นได้ตามแผนที่ต้องการและช่วยให้สามารถวางแผนการผลิตก่อนเข้าหอกลั่นได้อย่างแม่นยำ รวมถึง เครื่องทดสอบองค์ประกอบสารไฮโดรคาร์บอนอย่างละเอียดเครื่องแรกของประเทศไทยที่ทดสอบได้ทั้งน้ำมันเบนซิน น้ำมันเครื่องบิน ไปจนถึงน้ำมันดีเซล
ทดสอบกับเครื่องยนต์ Engine Test ในแล็บระดับโลก
ถัดมาคือ Engine Test ที่มีการทำงานกับ additives supplier จากต่างประเทศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งต้นทุนที่บางจากฯ ยินดีจ่าย เพื่อให้แน่ใจว่าได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ผ่านการทดสอบเรื่องประสิทธิภาพในการทำความสะอาดเครื่องยนต์ตามมาตรฐาน CEC (Coordinating European Council) Testing เช่น ผลิตภัณฑ์กลุ่มแก๊สโซฮอล์และน้ำมันดีเซล มีการทดสอบประสิทธิภาพทั้งในระบบเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่เป็นระบบ DI (Direct Injection) และระบบเครื่องยนต์แบบเดิมที่เป็นระบบ PFI (Port Fuel Injector) รวมถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ดีขึ้นในด้านของอัตราเร่ง
นอกจากนี้ ยังมีการทดสอบวัด Emissions และ Fuel Consumption ซึ่งเป็นการประสานงานกับพันธมิตรในต่างประเทศ ในการทดสอบโดยใช้ห้องปฏิบัติการซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากล ทั้งในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร เพื่อร่วมวิจัยและพัฒนา ประสิทธิภาพของน้ำมันบางจากให้ตอบโจทย์ของการพัฒนาน้ำมันที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ Greenovative Product
อาคารวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เชื้อเพลิงและชีวภาพที่มุ่งไปสู่การวิจัยและพัฒนา Niche Product &Green Product ที่เป็นผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงและชีวภาพสีเขียวสู่สากล
โดยมีแรงหนุนสำคัญคือสถานการณ์ช่วงโควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจการกลั่นที่ถือว่าเป็นตัวเร่ง กระตุ้นให้ทุกคนในโรงกลั่น แม้กระทั่งคนทำวิจัยในห้องแล็บ ต้องปรับเปลี่ยนการทำงานออกนอก comfort zone ที่เคยเป็นมา
ทดสอบภาคสนามโดยนักแข่งรถ
จากนั้นเข้าสู่ช่วงการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งาน โดยทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์ด้วย Dyno Test เพื่อ วัดแรงม้า แรงบิด และ การทดลองภาคสนาม (Field Test) โดยทำการทดสอบการใช้งานทั้งบนสนามแข่งและบนถนนจริง โดยผู้ใช้หลากหลายกลุ่ม นักแข่งรถ พนักงาน ตัวแทนผู้ใช้รถบ้านต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ ซึ่งจะมีการเลือกรถที่มาทดสอบให้เหมาะสมกับประเภทน้ำมัน เช่น หากเป็นน้ำมันพรีเมียมจะมีเลือกรถยุโรปสมรรถนะสูงมาทดสอบ
รชต พืชจันทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคพัฒนาโรงกลั่น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพขนาดเล็กที่ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับโรงกลั่นบางจาก ปัจจุบัน ส่วนวิจัยและพัฒนาฯ มีบทบาทควบคุมคุณภาพตั้งแต่วัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป รวมทั้งแก้ไขปัญหาด้านคุณภาพให้กับลูกค้าสถานีบริการและโรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนการทดสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม
“ไม่เพียงแต่บทบาทในการวิจัยและร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงในนามบางจากฯ เท่านั้น แต่จากความสำเร็จในการมีส่วนร่วมกับทีมพัฒนา Niche Products เช่นสารละลาย Solvent, Wax และผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมสีเขียว อย่าง ผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องบิน Bio-Jet ให้กับโรงกลั่นบางจาก ทำให้แล็บฯ แห่งนี้ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานภายนอก จนสามารถสร้างรายได้จากการให้บริการทดสอบแก่ลูกค้าภายนอกทั้งสถาบันการศึกษา โรงงานอุตสาหกรรม และนิติบุคคลคอนโดมิเนียม และยังอยู่ในระหว่างขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยงานรับทำวิจัยฯ กับกรมสรรพากร แสดงถึงศักยภาพในการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงและชีวภาพสีเขียวสู่สากล ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนมาใช้บริการหลายรายในปัจจุบัน”
รชต กล่าวเสริมว่า แรงหนุนสำคัญคือสถานการณ์ช่วงโควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจการกลั่นที่ถือว่าเป็นตัวเร่ง กระตุ้นให้ทุกคนในโรงกลั่นแม้กระทั่งนักวิจัยต้องปรับเปลี่ยนการทำงาน ออกนอก comfort zone ที่เคยเป็นมา เบื้องหลังความสำเร็จของส่วนวิจัยและพัฒนาฯ ไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีอย่างเดียว แต่คือคนใน “บ้านบางจาก” ที่ร่วมแรงร่วมใจ ทำงานเป็นทีม Fail Fast, Learn Fast ท้าทายตัวเองกันทุกวัน มีพาร์ทเนอร์เป็นส่วนงานอื่น ๆ ภายใต้กลุ่มบริษัทบางจาก ที่ช่วยสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทำให้โรงกลั่นบางจากปรับตัวเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วทันกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงเร็ว